วันพฤหัสบดีที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2561

นิทานพื้นบ้านภาคกลาง



   นิทานพื้นบ้านภาคกลาง   



เรื่อง ไกรทอง



 



     ไกรทอง เป็นนิทานพื้นบ้านของลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำใหญ่ๆ จังหวัดพิจิตร”  


 

          ที่เมืองเมืองนี้มีถ้ำอยู่ใต้น้ำขนาดใหญ่ ภายในถ้ำมีดวงแก้ววิเศษอยู่ในถ้ำ ดวงแก้ววิเศษนี้มันสามารถส่องแสงทำให้ภายในถ้ำนั้นสว่างไสวไปทั่วทั้งกลางวันและกลางคืน ภายในถ้ำนั้นจะมีจระเข้น้อยใหญ่อาศัยอยู่มากมาย จระเข้ทุกตัวเมื่อเข้าไปอยู่ในถ้ำจะกลายเป็นคน เหล่าจระเข้นี้ก็มีจระเข้ที่มีอายุมากแล้ว ที่จระเข้ทุกตัวเคารพและเชื่อฟังชื่อว่า ท้าวรำไพ”  ลูกของท้าวรำไพชื่อท้าวโคจรท้าวโคจรมีลูกชื่อ ชาละวันชาละวันเป็นจระเข้ที่ฉลาดแข็งแรง


          อยู่มาท้าวโคจรตายลง  เนื่องจากถูกจระเข้ด้วยกันกัดตาย ชาละวันก็อยู่มากับปู่ ปู่ก็เฝ้าสอนสั่งอบรมจนเติบใหญ่  ต่อมาชาละวันก็ตั้งตัวเป็นใหญ่ ปกครองจระเข้น้อยใหญ่  แต่ด้วยนิสัยอันธพาลของเจ้าชาละวันมันชอบออกจากถ้ำขึ้นสู่ผิวน้ำ   เที่ยวไล่จับผู้คนวัวควายกินเป็นอาหาร   ใช้หางของมันฟาดเรือของผู้คนให้ล่มคว่ำ ฟาดสะพานให้พัง ด้วยนิสัยอันธพาลของมันชาวบ้านเมืองพิจิตรกลัวกันมาก เพราะเป็นจระเข้ที่ใหญ่โตมาก


          วันหนึ่งเจ้าชาละวันออกจากถ้ำก็ไปเจอหญิงสาว 2 คน กำลังอาบน้ำ หญิงสาวทั้ง 2 คนเป็นลูกสาวของเจ้าเมืองพิจิตร ชาละวันเห็นก็นึกรัก หญิงสาว 2 คน คนหนึ่งชื่อตะเภาแก้ว อีกคนหนึ่งชื่อตะเภาทอง ชาละวันคาบตะเภาแก้วและตะเภาทองเข้าไปในถ้ำ เมื่อเข้าถ้ำแล้วตัวชาละวัน ก็กลายเป็นคน และได้นางตะเภาแก้วตะเภาทองเป็นเมีย จระเข้ทุกตัวที่เข้าไปในถ้ำ นอกจากจะได้รับแสงสว่างแล้วยังอิ่มทิพย์คือเมื่ออยู่ในถ้ำจะไม่รู้สึกหิวอะไรเลย

          เรื่องนี้รู้ถึงเจ้าเมืองพิจิตรๆ รู้ว่าลูกสาวของตัวเองถูกจระเข้คาบไป “อ๊ะ…มันบังอาจมาก มาคาบลูกสาวไป”  ก็จึงสั่งให้คนป่าวประกาศไปตามเมืองต่างๆว่า”ผู้ใดสามารถปราบจระเข้ได้ จะยกนางตะเภาแก้ว ตะเภาทองให้เป็นเมียพร้อมยกทรัพย์สมบัติให้ครึ่งหนึ่ง”  ก็เที่ยวป่าวประกาศไปตามเมืองต่างๆ

 

          ข่าวนี้รู้ถึงเมืองนนท์มีหนุ่มใจกล้า ชื่อ “ไกรทอง” รู้ข่าวเข้า ไกรทองเป็นคนดีมีความรู้เรียนคาถาอาคมเกี่ยวกับการปราบจระเข้มาโดยเฉพาะ ว่าแล้วไกรทองก็ไปรับอาสา กับเจ้าเมืองพิจิตร ดังนั้นไกรทองก็ต่อแพ เอาไม้ลูกบวบมาทำแพพร้อมเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ จะไปปราบชาละวัน เตรียมใส่เสื้อยันต์ ทวนน้ำขึ้นไปจากเมืองนนท์ถึงเมืองพิจิตร พอถึงเมืองพิจิตรก็ร่ายเวทมนต์คาถา “เอ…ถ้ำของชาละวันมันอยู่ตรงไหน ก็ได้โอมๆๆๆ กุ๊กๆๆๆ เพี้ยง”  “เอ๊ะ ตรงนี้คงเป็นถ้ำแน่ๆ เลย”  ก็พักแพทำพิธีกรรม ร่ายเวทมนตร์คาถา


         ทำให้ชาละวันที่อยู่ในถ้ำก็เกิดความร้อนรุ่มจริงๆ แล้วก่อนหน้านั้น ปู่ของชาละวันคือ  “ท้าวโคจร” ได้กำชับนักหนาแล้วว่า “ชาละวันอย่าไปนอกถ้ำช่วงนี้ เพราะเจ้าจะได้รับอันตราย” ชาละวันจึงนั่งทำสมาธิอยู่ในถ้ำ   ด้วยเวทมนตร์คาถาทำให้ชาละวันรู้สึกร้อน อยู่ไม่ได้  “เอ๊ะ เกิดอะไรขึ้นบนผิวน้ำ มันร้อนรุ่มไปหมดเลย”  ใจอยากจะออกไปนอกถ้ำแต่ติดอยู่ที่ปู่สั่งกำชับไม่ให้ออกไปนอกถ้ำ


          ไกรทองร่ายเวทมนตร์กี่จบชาละวันก็ไม่ออกมาซักที  “เอ ทำอย่างไรดี ไม่ได้การละ ทีนี้ต้องใช้เทียนระเบิด” ดังนั้นก็จุดเทียนเพื่อระเบิดถ้ำ แล้วร่ายเวทมนตร์ พลันปากถ้ำก็ระเบิดตูม! ชาละวันก็สงสัย  แล้วว่ายขึ้นบนผิวน้ำ “ใครน่ะ มันบังอาจล่องแพ มาระเบิดประตูถ้ำเราได้ต้องกินมันซะแล้ว” ว่าดังนั้นชาละวันก็ว่ายน้ำตรงไปที่แพ เพื่อจะกินเป็นอาหาร  ไกรทองเมื่อเห็นชาละวันมา  “โอ ใช่แล้วชาละวันตัวนี้เอง วันนี้มึงเสร็จกูแน่ๆ” เตรียมอาวุธต่างๆ มีด หอก


          เมื่อชาละวันเข้ามาใกล้ ไกรทองเอามีดทิ่มแทง เกิดคลื่นปั่นป่วนในน้ำขนาดใหญ่ ชาวบ้านแถวนั้นก็มาดูตามริมฝั่งขณะที่ต่อสู้แพก็เกิดแตก  ทันใดนั้นไกรทองก็คว้าหอก เสียบเข้าใต้ท้องของชาละวันเลือดไหลแดงแม่น้ำชาละวันก็จบชีวิตอันชั่วร้ายของชาละวันเอง



ข้อคิด

1.   แม้ตนจะเก่งกล้าสามารถและวิเศษขนาดไหน ย่อมมีผู้ที่เหนือกว่าดังคำที่ว่า “เหนือฟ้าก็ยังมีฟ้า”


2.   ความอาฆาตพยาบาททำให้จิตใจไม่เป็นสุขและนำความทุกข์มาให้กับตนเอง

3. ควรเชื่อฟังคำสั่งสอนของผู้ใหญ่


เรื่อง เขานมนาง (จ.สุพรรณบุรี)


ตำนานเรื่องบางนางบวช เกิดในเขตจังหวัดสุพรรณบุรีและอ่างทอง กล่าวกันว่าครั้งหนึ่ง มีหญิงงามชื่อพิมสุราลัย มีรูปร่างหน้าตาสวยงามเป็นที่หมายปอง ของบรรดาชายหนุ่มหลายคนชายหนุ่มเหล่านั้นพยายามแย่งชิงนาง จนเกิดเป็นเรื่องราวทะเลาะวิวาทกัน

          ทำให้นางพิมสุราลัยไม่พอใจ ในที่สุดนางก็ตัดสินใจหนีเข้าไปอยู่ในป่าตามลำพัง ทำมาหากินด้วยการปลูกข้าวและทอผ้า แต่เคราะห์กรรมยังตามไปถึงในป่า มีพรานป่าคนหนึ่งชื่อตาลีนนท์ ได้เห็นนางเข้าและเกิดความรัก ตาลีนนท์เป็นคนมีเวทมนตร์จำแลงแปลงกายได้ จึงแปลงกายเป็นงูเข้าไปแอบซ่อนอยู่ในกระท่อมของนางพิมสุราลัย

          ครั้นนางเข้าไปในกระท่อม งูแปลงก็เลื้อยเข้าไปรัดนางไว้ นางพิมสุราลัยตกใจจึง คว้ามีดฟันงูนั้นจนตาย เมื่อสิ้นชีวิตเวทย์มนตร์ก็เสื่อมลงร่างของงูจึงกลับคืนเป็นพรานป่า นางพิมสุราลัยรู้ตัวว่าฆ่าคนตายก็มีความตกใจและเสียใจมาก
     


  นางคิดแค้นใจว่า ความสวยงามของนางเป็นเหตุให้เกิดเรื่องเดือดร้อนต่างๆ จนต้องหนีมาอยู่ในป่าก็ยังไม่พ้น จึงคว้าเอามีดมาตัดนมทั้งสองข้างขว้างทิ้งไป กลายเป็นเขา 2 ลูก ชื่อ "เขานม" นางอยู่ในจังหวัดสุพรรณบุรี จากนั้นนางก็ซัดเซพเนจรไป ตามลำพังในกลางป่า ตกค่ำก็อาศัยนอนในวัด วัดที่นางพิมสุราลัยไปอาศัยนอนนั้น ต่อมาได้ชื่อว่า "วัดนางนอน" ท้ายที่สุด นางก็ได้ไปบวชอยู่บนเขาแห่งหนึ่ง เขานั้นจึง ได้ชื่อว่า "เขาบางนางบวช"

          นอกจากนั้น ยังมีหมู่บ้านในแขวงเมืองอ่างทองที่เล่ากันว่านางเคยไปถือศีลอยู่ ชื่อว่า "บ้านไผ่"จำศีล ส่วนบ้านเดิมของนางพิมสุราลัยที่จังหวัดสุพรรณบุรีนั้น ปัจจุบันชื่อ "บ้านเดิมบาง"

 

ข้อคิด

            อย่าลุ่มหลงในรูป รส กลิ่น เสียง

































ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

นิทานพื้นบ้านภาคอีสาน

⤞   นิทานพื้นบ้านภาคอีสาน ⤟ เรื่อง   ตำนานผาแดงนางไอ่            นิทานพื้นบ้านภาคอีสาน ผาแดงนางไอ่ อดีตกาลผ่านมาใกลโพ้น   ...