⤞ นิทานพื้นบ้านภาคใต้ ⤟
เรื่อง เกาะหนูเกาะแมว
นานมาแล้วมีพ่อค้าจีนคนหนึ่ง
คุมเรือสำเภาจากเมืองจีนมาค้าขายที่เมืองสงขลา…เมื่อขายสินค้าหมดแล้วจะซื้อสินค้าจากสงขลากลับไปเมืองจีนเป็นประจำ
วันหนึ่งขณะที่เดินซื้อสินค้าอยู่นั้น
พ่อค้าได้เห็นหมากับแมวคู่หนึ่งมีรูปร่างหน้าตาน่าเอ็นดู จึงขอซื้อพาลงเรือไปด้วย
หมากับแมวเมื่ออยู่ในเรือนานๆ…ก็เกิดความเบื่อหน่ายและอยากจะกลับไปอยู่บ้านที่สงขลา…จึงปรึกษาหาวิธีการที่จะกลับบ้าน
หมาได้บอกกับแมวว่า “พ่อค้ามีดวงแก้ววิเศษที่ใครเกาะแล้วจะไม่จมน้ำ”
แมวจึงคิดที่จะได้แก้ววิเศษนั้นมาครอบครอง จึงไปข่มขู่หนูให้ขโมยให้และอนุญาตให้หนูหนีขึ้นฝั่งไปด้วย
ครั้นเรือกลับมาที่สงขลาอีกครั้งหนึ่ง
หนูก็ลอบเข้าไปลักดวงแก้ววิเศษของพ่อค้าโดยอมไว้ในปาก…แล้วทั้งสามได้แก่ หมา แมว
และหนูหนีลงจากเรือว่ายน้ำจะไปขึ้นฝั่งที่หน้าเมืองสงขลา
ขณะที่ว่ายน้ำมาด้วยกัน
หนูซึ่งว่ายน้ำนำหน้ามาก่อนก็นึกขึ้นได้ว่าดวงแก้วที่ตนอมไว้ในปากนั้นมีค่ามหาศาล
เมื่อถึงฝั่งหมากับแมวคงแย่งเอาไป จึงคิดที่จะหนีหมากับแมวขึ้นฝั่งไปตามลำพัง
ดวงแก้วจะได้เป็นของตนเองแต่เพียงผู้เดียวตลอดไป…แต่แมวที่ว่ายตามหลังมาก็คิดจะได้ดวงแก้วไว้ครอบครองเช่นกัน
จึงว่ายน้ำตรงรี่เข้าไปหาหนู ฝายหนูเห็นแมวตรงเข้ามาก็ตกใจกลัวแมวจะตะปบจึงว่ายหนีสุดแรง
และไม่ทันระวังตัวดวงแก้ววิเศษที่อมไว้ในปาก ก็ตกลงจมหายไปในทะเล
เมื่อดวงแก้ววิเศษจมน้ำไป
ทั้งหนูและแมวต่างหมดแรงไม่อาจว่ายน้ำต่อไปได้…สัตว์ทั้งสองจึงจมน้ำตายกลายเป็น “เกาะหนูเกาะแมว” อยู่ที่อ่าวหน้าเมืองสงขลา…ส่วนหมาก็ตะเกียกตะกายว่ายน้ำไปจนถึงฝั่ง…แต่ด้วยความเหน็ดเหนื่อยจึงขาดใจตายกลายเป็นหินเรียกว่า
“เขาตังกวน”
เป็นภูเขาตั้งอยู่ริมอ่าวสงขลา…ส่วนดวงแก้ววิเศษที่หล่นจากปากหนูก็แตกแหลกละเอียดเป็นหาดทราย
เรียกสถานที่นี้ว่า “หาดทรายแก้ว”
ตั้งอยู่ทางเหนือของอ่าวสงขลา
นิทานรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
1. ให้แนวคิดว่า
“อย่าโลภมาก ให้มีความสามัคคีและแบ่งปันเอื้อเฟื้อต่อกัน”
2. เกาะหนูเกาะแมวเป็นนิทานประเภทอธิบายสถานที่…ซึ่งปรากฏอยู่ที่แหลมสมิหลา อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา
2. เกาะหนูเกาะแมวเป็นนิทานประเภทอธิบายสถานที่…ซึ่งปรากฏอยู่ที่แหลมสมิหลา อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา
เรื่อง ปลาแก้มช้ำ
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีครอบครัวอยู่ครอบครัวหนึ่ง
มีอยู่ด้วยกันสี่ชีวิต ตา ยาย หมา และแมว ยายนั้นมีแหวนอยู่วงหนึ่งงามมาก
หมาเมื่อได้เห็นแหวนของยาย แล้วก็ให้นึกชอบอยู่ในใจของมันยิ่งนัก
ต่อมาไม่นาน
หมาก็ได้ลักแหวนของยายไปเสีย ตายายจึงใช้ให้แมวตามไป เอาแหวนคืนมาจากหมาให้ได้
แมวก็ได้ตามไปทันหมาที่สะพานแห่งหนึ่งซึ่งหมากำลัง ข้ามอยู่บนสะพานนั้นพอดี
แมวจึงได้ร้องถามหมาขึ้นว่าได้ลักแหวนของยายมาบ้างไหม
หมาจึงอ้าปากจะพูดโต้ตอบกับแมว เลยทำให้แหวนที่มันคาบอยู่นั่นหล่นลงไปในคลอง เสีย
และก็บังเอิญในคลองนั้นได้มีฝูงปลาฝูงหนึ่งอาศัยอยู่ แหวนวงนั้นจึงได้ถูกปลาตัว
หนึ่งคาบเอาไป
เมื่อแหวนได้ตกลงไปในคลองเสียเช่นนั้นแล้ว
หมากับแมวก็ได้หันหน้า เข้าหากันเพื่อปรึกษาหารือที่จะงมแหวนจากคลองนั้นให้ได้
โดยหมาได้รู้สึกนึกผิดที่ได้ลัก เอาของมีค่าของผู้มีพระคุณของมันมา
มันจึงได้บอกกับแมวว่า มันจะต้องเอาแหวนนั้น ไปคืนยายให้ได้
มิฉะนั้นแล้วมันก็จะไม่กลับไปบ้านของตายายอีกเป็นอันขาด
หมาจึงได้ลงไปดำว่ายอยู่ในคลองเพื่อหาแหวนแต่ก็ไม่พบแต่อย่างใด มันจึง
คิดที่จะวิดน้ำในคลองนั้นให้แห้งเสียเลย
หมาจึงได้ลงไปในคลองนั้นแล้วก็ขึ้นมาสะบัดน้ำ ออกจากตัวมันได้ทำอยู่เช่นนั้นทั้งวันทั้งคืน
ฝ่ายปลาที่อาศัยอยู่ในคลองนั้นต่างก็ตกใจกลัวว่าน้ำจะแห้งแล้วพวกตนก็จะพากันตายหมด หัวหน้าฝูงปลาจึงได้มาพูดขอร้องกับหมาทันทีโดยให้หมายุติการวิด
คลองเสีย แล้วตนก็อาสาเอาแหวนมาคืนให้ หัวหน้าฝูงปลาจึงได้พาบริวารออกค้นหา
ปลาตัวที่คาบแหวนนั้นไปจนพบ แล้วก็ได้ขอแหวนคืนให้หมาแต่โดยดี แต่ปลาตัวนั้นก็
ไม่ยอมคืนให้ ปลาทั้งฝูงจึงโกรธปลาตัวนั้น
ก็ได้พากันเข้าตบตียื้อแย่งเอาแหวนวงนั้นมา และได้นำไปให้หมาได้ในที่สุด
ในการยื้อแย่งเอาแหวนจากปลาด้วยกันครั้งนั้น
ปลาตัวที่มีแหวนอยู่ในครอบครองก็ได้ถูกเพื่อน ๆ ปลาตบตีเอาจนแก้มทั้งสองช้ำชอกยิ่งนัก
ปลาตัวนั้นจึงได้แก้มช้ำ มาตั้งแต่บัดนั้นและมันก็ได้มีเผ่าพันธุ์ต่อมา
ปลาทุกตัวที่สืบเชื้อสายมาจากปลาตัวนี้ก็
ล้วนแต่มีลักษณะคล้ายกับแก้มช้ำเหมือนกันหมด จึงได้เรียกชื่อปลาชนิดนี้ตามลักษณะ
ของมันว่า “ปลาแก้มช้ำ” มาจนทุกวันนี้
ข้อคิด
ข้อคิด
1. ไม่ควรโลภ
อยากได้ของของผู้อื่น
2. ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน
คนรู้จัก หรือคนในครอบครัว
หากเรามีความเห็นแก่ตัวก็ไม่มีใครอยากมาสนิทชิดเชื้อด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น